วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

7 วันที่นอนหลับไม่สนิท



ไม่ถึงกับเป็น 7 วันอันตราย... แต่คุณยายมลก็หลับไม่สนิท เพราะอะไรหรือ... ก็เพราะลูกเขยโทรมาเสียงกระหืดกระหอบเมื่อกลางดึก คืนวันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา ว่า
"แม่ๆ ตอนนี้ผมอยู่โรงบาล เมเข้าโรงบาล"
หะแรก...ดีใจหลานคงจะออกแล้ว แต่..เอ๊ะ มันเหลือเวลาอีกเป็นเดือน กว่าจะครบกำหนดคลอด... ก็เลยรีบย้อนถามว่าเป็นอะไร
พ่อลูกเขยก็ช่างกระไร เออเร่อด็อทคอมเลย..ตอบว่า
"เจ็บท้อง...หายใจไม่ออก ตอนนี้ใช้ออกซิเจนช่วยหายใจ" ฟังแค่นี้เราก้รู้สึกแย่แล้ว ยังพูดผิดต่อไปอีก "อยู่ห้องไอซียู"
"โอยขนาดนั้นเลยเหรอ ห้องไอซียู.."
"ไม่ใช่แม่ ผมพูดผิด..ห้องฉุกเฉิน"
ค่อยโล่งอก ฝากให้ลูกเขยไปบอกลูกตัวว่า วันเสาร์แม่จะขึ้นไป หลังจากนั้นก็ติดต่อขอเลื่อนตั๋วเดินทาง(เพราะจองตั๋วไว้แล้วจะขึ้นไปช่วงต้นๆ เดือน กรกฎา เพราะกำหนดคลอดหลานกลางเดือน กะจะไปดูแลสักระยะค่อยกลับมาทำมาหากินที่ชลฯ)
อุแม่เจ้า.........ค่าธรรมเนียมเปลี่ยนเที่ยวบินเท่ากับซื้อตั๋วใหม่เที่ยวนึงเลย!! คิดแล้วคิดอีก (เศรษฐกิจพอเพียง) ยังไม่เลื่อนการเดินทาง รอรุ่งขึ้นค่อยว่ากันใหม่
เป็นคืนแรกที่นอนไม่เต็มตา คิดอะไรไม่รู้สาระพัด...
รุ่งขึ้น โทรไปหาลูกสาว ยังพูดหอบๆ แต่ก็ได้ความว่า กรวยไตอักเสบ น้ำตาลขึ้น (กินหวานแบบสุดๆ) เติมน้ำเกลือ ..
"แม่ไม่ต้องมาตอนนี้ก็ได้ ไว้สิ้นเดือนค่อยมาตามที่แปลนไว้ก็แล้วกัน"
"แม่เป็นห่วง"
ลูกสาวบอกว่า ป้าๆ และน้องม่อนมาเยี่ยมกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ไม่เป็นไรมากละ
แม่กับลูกก็เลยได้แต่โทรคุยกัน คุยมากก็ไม่ได้ เพราะเหนื่อย...รู้ว่า หลานในท้องดิ้นตูมตามเลยท้องแข็ง ก็คงเพราะแม่เขาป่วย ลูกก็ป่วยตาม...
3 วัน อาการเริ่มดีขึ้น ถอดสายน้ำเกลือ แต่ก็ยังกินอาหารอ่อนตลอด .....
จนวันที่ 15 มิย. แม่ไปทำสังฆทานให้ยาย ครบ 10 ปีที่ยายเสีย ก็เลยภาวนาให้ลูกหายไวๆ..
กลับมาบ้านเปิดเน็ต.. อ้าว เห็นลูกสาวออนเอ็มฯ ก็เลยไม่แน่ใจ ทักไป ..อ่าว...ใช่จริงๆ
"ไม่ได้เล่นเน็ตหลายวัน เลยให้พี่ปู(ลูกเขย)เอาโน๊ตบุ๊กมาให้ ...แอบใช้ไฟโรงบาลอีก" ตระกูลติดเน็ตจ้า...ขอบอก
คนเป็นแม่ก็เลยดีใจที่ลูกอาการปกติ
หมอบอกว่า ไม่ได้เป็นเบาหวาน แต่น้ำตาลขึ้นเฉพาะกิจว่างั้นเถอะ.. (ลูกสาวสารภาพว่า...เพราะเห็นกะทิเหลือจากทำกับข้าว ก็เลยเอามาเคี่ยว เติมน้ำตาล น้ำผึ้ง ราดลงบนสับปะรดฉ่ำๆ) โอ๊ย...จะเหลือหรือนั่น น้ำตาลไม่ขึ้นโผล่ทะลุที่หัวก็ดีแล้ว !!
ลูกสาวออกโรงพยาบาลแล้วเมื่อวันที่ 18 รวมนอนอยู่โรงพยาบาล 7 คืนเลย
เราแม่ลูกโทรคุยกันทุกวัน บางทีก็คุยกันทางเอ็มฯ แต่แม่ขี้เกียจพิมพ์ โทรดีกว่า คุยรู้เรื่องเร็ว
ตอนนี้ก็สบายใจแล้ว เมื่อคืนนอนหลับสบาย...
วันนี้ไปเดินห้าง ดูหนัง กับลูกชาย คลายเครียด...
อีก 15 วันเจอกันที่เชียงใหม่นะลูก...

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แกงสมุนไพร.... (ตอนที่ 1)





ต้นไม้..พืชสมุนไพร และ ไม้ดอก ที่พ่อเอามาปลูกไว้ในบ้านลูก มีหลายชนิด วันนี้เอาชนิดที่กินได้ก่อนนะคะ
1. ผักฮ้วนหมู
ต้น เป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็งและมีอายุหลายปี เถาอ่อนลักษณะกลมสีเขียวเข้มผิวเรียบ มีจุดกระสีน้ำตาลอ่อนกระจายอยู่ทั่วไป เถาเมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลเข้มลำต้นมีรอยแตกหรือมีร่องเล็กๆ แตกตามความยาวของต้น มีจุดสีขาวอยู่ที่ผิวของลำต้น มียางสีขาว
ใบ เป็นใบเดี่ยวออกตามข้อเป็นคู่ตรงข้ามกัน ใบรูปหัวใจไม่มีหูใบ ขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย ปลายใบเรียวแหลมโคนใบเว้าเข้าหากันคล้ายใบโพธิ์ ใบสีเขียว หลังใบสีเขียวอ่อนกว่าหน้าใบเล็กน้อยใบเป็นในและเห็นเส้นกลางใบชัดเจน ใบกว้าง 4-17.5 ซม. ยาว 6-21.5 ซม.
ดอก เป็นดอกช่อกลีบดอกสีเขียวอ่อนหรือสีเขียวอมเหลือง ออกเป็นช่อตามซอกใบหรือตามข้อ แต่ละช่อมีดอกย่อยมากกว่า 20 ดอก และเป็นดอกสมบูรณ์เพศ กลีบเรียง 5 กลีบ แยกกันหรือติดกันที่ฐานเล็กน้อย กลีบดอก 4-5 กลีบ ติดกันเป็นท่อที่โคนเวลากลีบดอกจะกางออก ดอกขนาดเล็กกว้างประมาณ 0.5-1 ซม. ก้านดอกยาวประมาณ 1-3 ซม.
ผล เป็นฝักคู่รูปหอกปลายผลตัดสีเขียวอ่อน มีจุดกระสีน้ำตาลกระจายตามผิวของฝักทั่วไป ออกตรงข้ามกัน เมล็ดมีพู่ปลิวไปตามลม
ส่วนที่ใช้บริโภค ยอดอ่อน ใบอ่อน ดอกอ่อน

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dregea volubilis Stapf.
คุณค่าอาหาร
ยอดผักฮ้วนหมู 100 กรัม ให้พลังงาน 58 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย เส้นใย 2.3 กรัม แคลเซียม 104 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 20 มิลลิกรัม เหล็ก 1.8 มิลลิกรัม เบต้า-แคโรทีน 1,595 ไมโครกรัม ไนอซิน 1.0 มิลลิกรัม วิตามินเอ 266 IU. วิตามินบี1 0.14 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.24 มิลลิกรัม วิตามินซี 351 มิลลิกรัม
สรรพคุณทางยา
ช่วยบรรเทาความร้อนในร่างกาย ทำให้เจริญอาหาร ราก ใช้ดับพิษร้อน พิษไข้ พิษไข้กาฬ ขับปัสสาวะ เถา ขับปัสสาวะ ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้ดีกำเริบ ใบ แก้ฝีภายใน แก้พิษต่างๆ ขับปัสสาวะ

แกงผักฮ้วนหมู
แกงผักฮ้วนหมู หรือแกงผักฮ้วน หรือยอดเถากระทุงหมาบ้า นิยมนำยอดอ่อนมาแกงกับปลาแห้ง มะเขือเทศลูกเล็ก และมีวิธีการแกงเช่นเดียวกับแกงผักขี้ขวง ผักขี้เสียด แกงผักหวาน แกงผักเซียงดา
ส่วนประกอบ (กะขนาดตามจำนวนผู้รับประทาน "
- ผักฮ้วนหมู
- ปลาแห้ง (ปลาช่อนย่าง บางทีใช้ไข่มดแดงแทนก็อร่อย)
- พริกขี้หนูแห้ง
- มะเขือเทศลูกเล็ก
- กระเทียม
- หอมแดง
- ข่าหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
- ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- ปลาร้า (ต้มสุก) และกระปิแกง นิดหน่อย
- เกลือป่น (หากใช้น้ำปลาอาจทำให้มีกลิ่นคาว
วิธีทำ

1. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด โขลกเครื่องแกง
2. ละลายน้ำพริกแกงลงในน้ำคนให้เข้ากันยกตั้งไฟ พอเดือด ใส่ปลาแห้ง
3. ต้มจนปลานุ่ม (เอาออกมาเลาะก้าง )แล้วใส่ปลาลงไปอีกครั้ง ใส่มะเขือเทศ ตามด้วยผักฮ้วน พอผักสุก ปิดไฟ รับประทานกับ
แคบหมู ข้าวเหนียว
(ตอนที่ 2 เราจะมาแกงดอกสะแรกันค่ะ อย่าลืมติดตามนะคะ)